29 ต.ค. 2568

ไข้เลือดออก (Dengue fever)

ไข้เลือดออก (Dengue fever)

สาเหตุของการเกิดโรคไข้เลือดออก

เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus: DENV) 1 ใน 4 สายพันธุ์ ได้แก่ DENV-1, DENV-2, DENV-3 หรือ DENV-4 ผ่านการกัดของยุงลายบ้าน หรือยุงไข้เหลืองเพศเมีย (Aedes aegypti) สัตว์พาหะนำโรคที่ชอบออกหากินในเวลากลางวัน เมื่อยุงลายพาหะกัด และดูดเลือดผู้ที่มีเชื้อไวรัสเดงกีในระยะที่มีไข้ หรือในระยะไวรัสแพร่กระจายในกระแสเลือด ไวรัสเดงกีจะเข้าไปฝังตัวภายในเซลล์ผนังกระเพาะอาหาร และต่อมน้ำลายของยุงลายพาหะ และจะเข้าสู่ระยะฟักตัว และเพิ่มจำนวนใน 8 - 12 วัน จากนั้นเมื่อยุงลายพาหะไปกัดผู้อื่น เชื้อไวรัสเดงกีจะแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ที่ถูกกัดจนทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้มีอาการของโรคไข้เลือดออกภายใน 3 - 15 วัน

อาการของโรคไข้เลือดออก

อาการของโรคไข้เลือดออกมักเริ่มต้นอย่างกะทันหันหลังจากได้รับการติดเชื้อ 2-7 วัน โดยอาการหลักที่สังเกตได้มีดังนี้

·     ไข้สูงต่อเนื่อง 38-40 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจยืดเยื้อได้ถึง 2-7 วัน

·     ปวดศีรษะและปวดตา มักรู้สึกปวดรุนแรงรอบดวงตา และมีอาการปวดศีรษะที่ศีรษะส่วนหน้าและขมับ

·     ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อ

·     อ่อนเพลีย

·     คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง

·     ผื่นที่ผิวหนัง อาจพบผื่นแดงกระจายตัวอยู่ทั่วไปตามตัว

·     อาการเลือดออกง่าย เช่น มีเลือดกำเดาไหล ไอมีเลือด หรือมีจุดเลือดออกที่ผิวหนัง

ระยะของโรคไข้เลือดออก

สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลักๆ ตามอาการและความรุนแรงของโรค ดังนี้

1.    ระยะไข้สูง

เป็นไข้เลือดออกระยะแรก ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงต่อเนื่องมากกว่า 38 องศาเซลเซียส อาการนี้จะปรากฏหลังจากได้รับการติดเชื้อ 4-7 วัน และอาจมีอาการอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดตา ผื่นคัน และอาการอ่อนเพลียมาก ระยะนี้สามารถนานถึง 2-7 วันขึ้นอยู่กับสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยและสายพันธุ์ของไวรัสที่ติดเชื้อ

2.    ระยะวิกฤต

เป็นไข้เลือดออกระยะที่สอง มักเกิดขึ้นหลังจากไข้ลดลง จะพบเฉพาะในผู้ป่วยบางรายเท่านั้น ในระยะนี้ผู้ป่วยอาจพบกับภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น การรั่วของพลาสม่าในหลอดเลือดทำให้เกิดภาวะช็อก รวมทั้งอาการเลือดออกต่าง ๆ อาการในระยะนี้ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ เนื่องจากเป็นระยะที่อันตรายและมีโอกาสเสียชีวิตสูงถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม

3.    ระยะฟื้นตัว

เป็นไข้เลือดออกระยะสุดท้าย ผู้ป่วยจะเริ่มดีขึ้นหลังจากผ่านพ้นระยะวิกฤต อาการปวดและอ่อนเพลียจะค่อย ๆ ลดลง และสัญญาณชีพเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ระยะนี้สำคัญมากในการฟื้นฟูร่างกายและสุขภาพโดยรวม ผู้ป่วยบางคนอาจเข้าสู่ระยะฟื้นตัวโดยไม่ผ่านระยะวิกฤตได้ ผู้ป่วยบางคนอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการฟื้นตัวและกลับมามีสุขภาพแข็งแรงเหมือนเดิม

วิธีการรักษาไข้เลือดออก

สำหรับผู้ป่วยที่เพิ่งมีไข้ แนะนำให้พักผ่อนมาก ๆ ดื่มน้ำ รับประทานอาหารอ่อน ๆ สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้ ไม่ควรรับประทานยาไอบูโพรเฟน หรือแอสไพริน หากผู้ป่วยมีไข้ได้ประมาณ 3-4 วันแล้วไม่ลด แพทย์จะทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่ หากเจาะเลือดแล้วพบว่าเกล็ดเลือดต่ำ แพทย์จะแนะนำให้นอนโรงพยาบาลเพื่อรับน้ำเกลือ และติดตามสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด เพราะผู้ป่วยอาจเข้าสู่ระยะวิกฤตได้ โดยปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสเดงกีโดยเฉพาะ

การกลับมาเป็นซ้ำของโรคไข้เลือดออก

มนุษย์สามารถติดเชื้อไวรัสเดงกีทั้ง 4 สายพันธุ์ซ้ำได้หลายครั้ง โดยหากเคยติดเชื้อสายพันธ์ใดสายพันธ์หนึ่งแล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์นั้นไปตลอดชีวิตแต่จะไม่มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเดงกีในอีก 3 สายพันธุ์ทีเหลือหรือมีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์อื่นเพียงชั่วคราว โดยอาการของโรคไข้เลือดออกจะทวีความรุนแรงขึ้นในการเป็นไข้เลือดออกครั้งที่ 2, 3 หรือ 4

วิธีการป้องกันโรคไข้เลือดออก

·     ป้องกันตนเองไม่ให้ยุงกัด เช่น การทายากันยุง สวมใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และสวมถุงเท้า หรือการใส่เสื้อผ้าที่มีการเคลือบสารกันยุง

·     ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารป้องกันยุง (Mosquito repellents) ที่มีส่วนผสมของสาร DEET เพื่อป้องกันยุง

·     กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยเฉพาะบริเวณน้ำนิ่งและน้ำขัง ทั้งในและรอบบริเวณบ้าน ใช้ฝาปิดครอบภาชนะ หรือถังขยะ

·     ปิดหน้าต่างไม่ให้ยุงเข้า ติดมุ้งลวดที่ประตู หรือนอนในมุ้งลวดเพื่อกันยุง

·     การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก 4 สายพันธุ์ ชนิดใหม่ (New 4 serotype dengue fever vaccine) ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันไวรัสเดงกีรุ่นล่าสุดที่ถูกพัฒนาให้สามารถป้องกันได้ครอบคลุมทั้ง 4 สายพันธุ์ โดยสามารถเข้ารับการฉีดได้ตั้งแต่อายุ 4 ปีขึ้นไป

 


🍪เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานของท่าน และการมอบบริการที่ดีที่สุดจากเรา
กรุณากดยอมรับ คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ของเราได้ที่ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว