4 มิ.ย. 2568

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ COVID-19 และการดูแลตัวเองเมื่อเป็น COVID-19

🔬 COVID-19 คืออะไร?

COVID-19 ย่อมาจาก Coronavirus Disease 2019 เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ชื่อว่า SARS-CoV-2 ซึ่งเริ่มระบาดครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ในช่วงปลายปี 2019

🦠 การแพร่กระจาย

ไวรัสแพร่กระจายได้ผ่าน:

 • ละอองฝอย (Droplets) จากการไอหรือจาม

 • การสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนแล้วเอามือสัมผัสปาก จมูก หรือตา

 • การอยู่ใกล้ผู้ติดเชื้อในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก

🤒 อาการของ COVID-19

อาการทั่วไป:

 • ไข้

 • ไอแห้ง

 • เหนื่อยล้า

อาการอื่นๆ ที่พบได้:

 • เจ็บคอ

 • สูญเสียการรับรส/กลิ่น

 • หายใจลำบาก

 • ปวดกล้ามเนื้อ

 • ปวดหัว

 • ท้องเสีย

บางรายอาจไม่มีอาการเลย (โดยเฉพาะในเด็กหรือวัยหนุ่มสาว)

🧬 สายพันธุ์ของไวรัส

ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ไวรัสได้กลายพันธุ์หลายครั้ง เช่น:

 • Alpha (อังกฤษ)

 • Beta (แอฟริกาใต้)

 • Delta (อินเดีย) – มีการแพร่เชื้อรุนแรง

 • Omicron (แอฟริกาใต้) – แพร่เร็ว แต่อาการมักไม่รุนแรง

ปัจจุบัน (2024-2025) สายพันธุ์ย่อยของ Omicron ยังเป็นสายพันธุ์หลักที่พบอยู่ทั่วโลก

💉 วัคซีนป้องกัน

มีวัคซีนหลายชนิดที่ได้รับการรับรอง เช่น:

 • Pfizer–BioNTech (mRNA)

 • Moderna (mRNA)

 • AstraZeneca (viral vector)

 • Sinovac/Sinopharm (inactivated)

 • Novavax (protein subunit)


🛡️ การป้องกันตัวเอง

 • สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัด

 • ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล

 • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า

 • เว้นระยะห่างจากผู้อื่น

 • รับวัคซีนครบตามแผนที่แนะนำ

🧪 การตรวจหาเชื้อ

 • ATK (Antigen Test Kit) – ตรวจเร็ว ได้ผลใน 15-30 นาที

 • RT-PCR – ความแม่นยำสูง ใช้เวลานานกว่า

📉 สถานการณ์ปัจจุบัน (2024-2025)

 • หลายประเทศเริ่ม “อยู่ร่วมกับ COVID-19” โดยผ่อนคลายมาตรการ

 • วัคซีนและภูมิคุ้มกันหมู่ช่วยลดความรุนแรงของโรค

 • ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง แต่ยังควรระวัง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว


เมื่อคุณติดเชื้อ COVID-19 (โดยเฉพาะหากอาการไม่รุนแรงและรักษาตัวที่บ้านได้) การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น

🏠 การดูแลตัวเองเมื่อเป็น COVID-19 ที่บ้าน

1. 🛏️ แยกตัวจากผู้อื่น

 • แยกห้องนอน/ห้องน้ำ หากเป็นไปได้

 • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนในบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง (ผู้สูงอายุ, ผู้มีโรคเรื้อรัง)

 • สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องออกจากห้องหรือพูดคุยกับผู้อื่น

2. 💧 พักผ่อนและดื่มน้ำมากๆ

 • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายต่อสู้กับไวรัส

 • ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

 • รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย และมีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีน

3. 🌡️ ติดตามอาการทุกวัน

วัดอุณหภูมิและออกซิเจนปลายนิ้ว (ถ้ามีเครื่องวัด SpO₂) วันละ 2 ครั้ง

ควรสังเกตอาการที่อาจแย่ลง เช่น:

 • ไข้สูงตลอดเวลา (เกิน 38.5°C)

 • ไอมาก หอบเหนื่อย

 • หายใจเร็ว หรือเจ็บหน้าอก

 • ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 94%

 • ซึมลง พูดไม่รู้เรื่อง

หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

4. 💊 ใช้ยาตามอาการ

 • พาราเซตามอล: ถ้ามีไข้ ปวดหัว ปวดตัว

 • ยาลดน้ำมูก/ไอละลายเสมหะ: ถ้ามีอาการ

 • ยาฟ้าทะลายโจร หรือ ยาต้านไวรัส: ให้ใช้ตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น

 • ไม่ควรซื้อยาต้านไวรัสกินเอง โดยไม่ได้รับการวินิจฉัย

5. 📞 แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)

 • อาจมีการลงทะเบียนผู้ป่วยในแอปฯ หรือโทรสายด่วนของแต่ละพื้นที่เพื่อรับคำแนะนำ

 • บางเขตมีบริการส่งอาหารหรือยาให้ถึงบ้าน

⏳ ระยะเวลาการกักตัว

 • ปกติจะอยู่ที่ 5–10 วัน แล้วแต่อาการและแนวทางของแต่ละประเทศ/สาธารณสุข

 • หลังจากหายแล้ว ยังอาจมีอาการ “Long COVID” เช่น เหนื่อยง่าย ไอเรื้อรัง ควรพักฟื้นและปรึกษาแพทย์หากไม่ดีขึ้น



🍪เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานของท่าน และการมอบบริการที่ดีที่สุดจากเรา
กรุณากดยอมรับ คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ของเราได้ที่ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว