7 พ.ย. 2566

วิตามินเพิ่มภูมิคุ้มกัน

“ภูมิคุ้มกัน” เปรียบเสมือนกำแพงด่านแรกที่ช่วยต้านทานเชื้อโรคไม่ให้เขารู้ร่างกาย และยังทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคที่เล็ดลอดเข้ามาได้ ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อสุขภาพ แต่หลายคนกลับมองข้ามไปโดยคิดว่าธรรมชาติของร่างกายก็ย่อมสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีอยู่แล้ว คงไม่ต้องเสริมหรือทำอะไรเพิ่มเติม ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว! การที่ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีและมากพอ สวนหนึ่งก็ต้องมาจากการดูแลสุขภาพในด้านต่างๆ ของเจ้าตัว โดยหนึ่งในตัวช่วยที่จะทำให้ภูมิคุ้มกันของเรามีมากขึ้นและแข็งแรงขึ้นได้นั้น

ภูมิคุ้มกันคืออาวุธสำคัญการในต่อสู้กับเชื้อโรค อาวุธสำคัญที่มนุษย์มีไว้ใช้จัดการกับเชื้อโรคและเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนมีติดตัวกันมาตั้งแต่เกิด นั่นก็คือ

1.     ภูมิคุ้มกันครอบจักรวาล (Innate Immunity) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรคชนิดไหน เคยเจอเชื้อมาก่อนหรือไม่ก็สามารถจัดการได้หมด

2.     ภูมิคุ้มกันแบบจดจำ (Adaptive Immunity) ที่ร่างกายมนุษย์ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดทำให้สามารถจดจำเชื้อโรคได้แม่นหากเคยพบเจอมาก่อน เมื่อเจออีกครั้งก็จะพุ่งตรงกำจัดได้อย่างรวดเร็วทันที เหมือนเป็นทัพเสริมที่สำคัญ

 

         ปัจจุบันเราอาศัยความรู้ในระบบนี้ มาผลิตวัคซีน (Vaccine) เช่น การใช้เชื้อที่อ่อนกำลังแล้วมาผลิตเป็น inactive vaccine อย่าง Sinovac และ Sinopharm หรือใช้ส่วนประกอบของเชื้อผลิตเป็นวัคซีนชนิด mRNA อย่าง Pfizer และ Moderna และประเภทที่ผลิตจากส่วนประกอบโปรตีน เช่น Novavax ใช้วิธีตัดต่อกับเชื้ออื่น เช่น Astrazeneca, Sputnik V, Johnson & Johnson เพื่อให้มีลักษณะคล้ายตัวไวรัสโควิด-19 แต่อ่อนกำลังแล้ว ไม่ก่อโรค ซึ่งเมื่อฉีดเข้ามาในร่างกายของคนก็จะเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันแบบจดจำขึ้นมา หากวันใดวันหนึ่งร่างกายได้รับเชื้อตัวจริงๆ เข้ามา ภูมิคุ้มกันจะได้พุ่งเข้าจัดได้อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า Innate Immunity เป็นภูมิคุ้มกันที่สำคัญมากๆ ซึ่งเราสามารถสร้างเสริมให้ภูมิชนิดนี้แข็งแรงขึ้นได้ ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การออกกำลังกาย 150 นาทีต่อสัปดาห์ การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ และเริ่มนอนให้เร็วก่อน 22.00 น. เพราะจะทำให้ NK-cell activity ซึ่งก็คือเม็ดเลือดขาวเพชรฆาตฆ่ามะเร็งและไวรัสเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวได้เลยทีเดียว

นอกจากนี้ อาหารก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน การทานอาหารให้เป็นยา คือกุญแจสำคัญอย่างหนึ่งในการช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันชนิดนี้ ซึ่งที่สำคัญมากๆ เลยก็คือ Function food หรือวิตามินต่างๆ นั่นเอง

 

6 วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน

1.     Vitamin C ด่านสำคัญที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยการทำงานของเม็ดเลือดขาว lymphocyte รวมถึง neutrophil ในกระบวนการจับกินเชื้อโรค (phagocytosis) เราควรได้รับวิตามินซี 500-2,000 มก./วัน ซึ่งการกินหลังอาหารจะช่วยลดการระคายเคืองในกระเพาะจากกรด Ascorbic และทานช่วงเช้าจะทำให้ไตขับออกได้ดี ลดโอกาสการตกค้าง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดนิ่วที่ไต

2.     Vitamin D นั้นดีสมชื่อ อารมณ์ดี ภูมิคุ้มกันดี หลับสบาย กระดูกแข็งแรง เสริมภูมิคุ้มกันทั้ง Adaptive (ภูมิคุ้มกันแบบจดจำ ต้องเคยเจอเชื้อมาก่อนถึงกำจัดได้) และ Innate immunity (ภูมิคุ้มกันแบบครอบจักรวาล ไม่เคยเจอเชื้อมาก่อนก็กำจัดได้) เราควรได้รับวิตามิน D3 ราว 3,000-5,000 ยูนิต/วัน ดังนั้นอย่าลืมออกแดดเพื่อรับวิตามินดีจากธรรมชาติวันละ 15-20 นาที โดยเฉพาะในช่วงเช้าก่อน 9 โมงหรือ หลัง 5 โมงเย็น การรับวิตามินดีจากแสงแดด เราควรใส่เสื้อผ้าที่เปิดแขนขาให้โล่งไว้ แต่สามารถทาครีมกันแดดบริเวณใบหน้าถ้าต้องการ แต่ไม่ควรทาที่ตัว เพราะการทาครีมกันแดด SPF7 ขึ้นไปก็จะทำให้ไม่เกิดการสังเคราะห์วิตามินดีที่ผิวหนังส่วนนั้น การได้รับแสงแดดยังมีประโยชน์ในการปรับนาฬิกาชีวิต เพื่อการนอนหลับสบายและมีคุณภาพด้วย

3.     Zinc แร่ธาตุสังกะสี โคโรน่าไวรัสจะทำลายเยื่อบุผิวทางเดินหายใจและตุ่มรับรส ทำให้ 30% ของคนไข้มีอาการจมูกไม่ได้กลิ่นลิ้นรับรสไม่ได้ ซึ่งอาการกลุ่มนี้จะหายกลับเป็นปกติหลังสุด การเสริม chelate Zinc 20-40 มก./วัน จะช่วยลดการเกาะติดไวรัสกับเซลล์ เพราะ zinc ช่วยลด expression ACE2 Rp. ลดตัวรับโควิดที่เซลล์ จึงลดการอักเสบ ป้องกันผลแทรกซ้อนทางหลอดเลือด ช่วยฟื้นการรับรสและการได้กลิ่น

4.     NAC N-Acetyl-cysteine ละลายเสมหะ แต่มีฤทธิ์ทั้ง Anti-oxidant และ Anti-Inflammation ลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกันปอด เพิ่ม Glutathione ในเซลล์เม็ดเลือดขาว lymphoyte ทำให้การกำจัดไวรัสมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงชะลอความรุนแรงของการที่เชื้อลงปอด โดยรับประทาน 600 มก.เช้า กับ 600 มก.เย็น รวมเป็น 1,200 มก./วัน

5.     Omega-3 Fish oil ลดการอักเสบของร่างกาย (Anti-inflammation) จากการหลั่งสารอักเสบ cytokine ที่มากเกินหลังการต่อสู้กับเชื้อโรค ทั้งนี้จึงควรลดอาหารมัน ทอด ปิ้งย่าง เปลี่ยนเป็นทานอาหาร ต้ม นึ่ง ตุ๋น ที่มีน้ำๆ แทน หรือหากจะรับประทาน omega-3 Fish oil ควรเลือก EPA/DHA โดยให้ค่าทั้งสองตัวรวมกันเข้าใกล้ 1,000 หน่วย/วัน

6.     Probiotic จุลินทรีย์ตัวดีในลำไส้สำคัญกับภูมิคุ้มกันเป็นอย่างมาก ลำไส้ถือเป็นสมองที่สองของร่างกาย มีระบบการสั่งการประสาทอัตโนมัติของตัวเอง (Enteric Nervous System) และเป็นแหล่งผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ใหญ่ที่สุด เพราะมีต่อมน้ำเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (Payer’s patches) การเติมจุลินทรีย์ที่ดีให้ร่างกายก็เท่ากับการเติมทหารภูมิคุ้มกัน ชื่อสายพันธุ์จุลินทรีย์ตัวดีที่เรารู้จักกันดี เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium สายพันธุ์ Lactobacillus plantarum และ Lactobacillus rhamnosus ที่ช่วยลดอาการในทางเดินหายใจได้ดี อาหารที่มีจุลินทรีย์ดีสูงก็เช่น กิมจิ นัตโต๊ะ โยเกิร์ต หรือจะทานเป็น probiotic 10,000 ล้านตัวต่อวันก็ได้เช่นกัน

 

การได้รับวิตามินต่างๆ อย่างครบถ้วนและเพียงพอ ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

1.     การรับประทานอาหาร การเลือกแหล่งอาหารที่ดี มีวิตามินชนิดต่างๆ สูง ย่อมมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้

2.     การรับประทานวิตามินเสริมแบบเม็ด เป็นการได้รับวิตามินเข้าสู่ร่างกายได้จำนวนมากในคราวเดียว เพราะเป็นการสกัดเอาวิตามินแบบเข้มข้นมาอัดรวมกันไว้ในรูปแบบวิตามินเม็ด ซึ่งการเลือกรับวิตามินแบบเม็ดต้องเลือกที่เหมาะสมกับร่างกายของเรา โดยปัจจุบันมีวิธีการตรวจดูว่าร่างกายเราขาดวิตามินตัวใด ด้วยการตรวจ “Micronutrients” ซึ่งจะช่วยให้เรารู้ว่า ในร่างกายของเราตอนนี้มีปริมาณวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มากน้อยแค่ไหน เพื่อเสริมส่วนที่ขาดให้เกิดความสมดุล

3.     การดริปวิตามินเข้าสู่ร่างกาย เป็นการฉีดวิตามินเข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านทางเส้นเลือด ทำให้ได้รับวิตามินที่เข้มข้น จึงเห็นผลลัพธ์ที่เร็วกว่าการรับประทานวิตามินเม็ด การให้วิตามินทางหลอดเลือดสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ต้านอนุมูลอิสระที่เข้ามาทำร้ายผิวและอวัยวะต่างๆ เป็นการบำรุงรักษาทั้งอวัยวะภายในและผิวพรรณภายนอก กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ปรับสมดุลให้ภูมิคุ้มกันของร่างกาย เหมาะกับคนทั่วไปที่อยากเสริมภูมิคุ้มกันให้ตนเองและผู้ที่อ่อนเพลีย ป่วยบ่อย หรือป่วยง่ายอยู่เป็นประจำให้แข็งแรงขึ้น

🍪เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานของท่าน และการมอบบริการที่ดีที่สุดจากเรา
กรุณากดยอมรับ คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ของเราได้ที่ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว